Saturday, October 17, 2009

ข้าวเหนียวสังขยา

ส่วนผสมข้าวเหนียวมูล
- ข้าวเหนียว 2 ถ้วยตวงนึ่งสุกร้อนๆ (ดูวิธีการนึ่งข้าวเหนียวที่นี่)
- หัวกะทิ 1 ถ้วยตวงครึ่ง
- น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
- เกลือป่น 1 ช้อนกาแฟ

ส่วนผสมสังขยา
- ไข่ไก่ 3 ฟอง (หรือไข่เป็ดก็ได้)
- กะทิ 1 ถ้วย
- น้ำตาล 1 ถ้วย
- น้ำใบเตยสด 3 ช้อนโต๊ะ (Pandanus)


วิธีทำสังขยา

  1. นำไข่ตอก ผสมกับกะทิและน้ำตาล คนจนส่วนผสมเข้ากันดีและน้ำตาลละลาย หลังจากนั้น ใช้ใบเตยขยำให้ส่วนผสมขึ้นฟู เสร็จแล้วกรองด้วยผ้าขาวบางเอาสิ่งสกปรกออก
  2. นำส่วนผสมเทใส่แบบหรือพิมพ์ที่เตรียมไว้ แล้วนำไปนึ่งในน้ำเดือดประมาณ 20 นาทีหรือจนสุกทั่ว ปิดไฟ นำออกมาทิ้งไว้ให้เย็น
  3. เวลาเสริฟ ตักข้าวเหนียวมูนใส่จาน เติมหน้าสังขยาลงไปบนข้าวเหนียวมูน



ข้าวเหนียวมะม่วง

เครื่องปรุง

ข้าวเหนียวเขี้ยวงู 350 กรัม
กะทิ 1 กระป๋อง
น้ำตาลทราย ¾ ถ้วย
เกลือ 1¼ ช้อนชา
แป้งข้าวเจ้า 1 ช้อนชา
ใบเตย 4-5 ใบ






วิธีทำ
  1. หุงข้าวเหนียว (ดูวิธีการหุงข้าวเหนียวด้วยไมโครเวฟที่นี่) ใส่ใบเตยในภาชนะหุงไปด้วย
  2. แบ่งน้ำกะทิไว้ ¾ ถ้วย มาผสมกับแป้งข้าวเจ้าและเกลือ ¼ ช้อนชา นำไปตั้งไฟ คนเรื่อยๆ จนกะทิข้น พอกะทิเดือดก็ปิดเตาได้ เตรียมไว้เป็นกะทิสำหรับราดหน้า
  3. นำน้ำกะทิที่เหลือมาทำกะทิสำหรับมูนข้าวเหนียว นำกะทิส่วนที่เหลือเอาไปใส่ลงในหม้อ ใส่น้ำตาลและเกลือ 1 ช้อนชาลงไป นำไปตั้งบนไฟอ่อน มัดใบเตยลงไปในหม้อ 2 ใบ คนเรื่อยๆ จนน้ำตาลละลาย อย่าให้กะทิเป็นก้อน รอจนกะทิเดือดก็ปิดเตาและยกลงได้
  4. ตักข้าวเหนียวที่สุกแล้วใส่ในอ่างผสม เทกะทิร้อนๆ ใส่ลงไป คนเร็วๆ ให้ทั่วแล้วปิดฝาให้ข้าวเหนียวระอุ ประมาณ 15 นาที
  5. ตักข้าวเหนียวใส่จาน ราดด้วยน้ำกะทิที่เตรียมไว้ เสิร์ฟพร้อมมะม่วงสุก



From http://www.ucancookthai.com/language-thai/th-recipes/th-desserts/content-th-sweet-sticky-rice.htm

การหุงข้าวเหนียว

วิธีหุงข้าวเหนียว ด้วยไมโครเวฟ

ส่วนประกอบ
1. ถ้วยใบโต มีฝาปิด สำหรับหุง
2. ข้าวเหนียวอย่างดี
3. น้ำ

การนึ่งข้าวเหนียวในไมโครเวฟนี้ เร็วและสะดวกกว่าการนึ่งด้วยหวดหรือซึ้ง แล้วนึ่งด้วยปริมาณน้อยๆ ได้ ปรกติเวลานึ่งข้าวเหนียวนี่ ต้องแช่ข้าวเหนียวค้างคืนไว้ก่อน แต่การนึ่งด้วยไมโครเวฟ การแช่ข้าวเหนียวไม่จำเป็นเลย จะหุงแบบแช่หรือไม่แช่ ผลที่ได้ไม่ต่างกัน

วิธีทำ
1. ซาวข้าวเหนียวล้างเอาเศษผงที่อาจจะมีออกไป
2. นำข้าวเหนียวที่ล้างแล้ว มาใส่ภาชนะที่ใช้หุง ใส่น้ำให้ท่วมข้าวเหนียวเท่านั้น (ให้กะให้น้อยกว่าที่ใช้หุงข้าวก็พอ) การใส่น้ำนี้ ถ้าใส่น้ำน้อยไป ข้าวดิบยังแก้ได้ด้วยการพรมน้ำแล้วนึ่งต่อ แต่ถ้าใส่มากไปตอนนี้ ข้าวจะแฉะแล้วแก้ไม่ได้เลย
3. ปิดฝา เอาเข้าไมโครเวฟ ใช้ไฟแรงสุด ๕ นาทีค่ะ
4. ๕ นาทีผ่านไป ข้าวเหนียวจะยังดิบอยู่ แต่จะอืดตัวหน่อยๆ (ตอนนี้ให้สังเกตดูว่าน้ำในชามมีมากน้อยแค่ไหน ถ้ามีมากเกินไปให้เอาช้อนตักออก) ใช้ส้อมคนข้าวเหนียวให้ทั่ว แล้วดูระดับน้ำให้เหลือแค่พอเสมอๆ กับข้าวเหนียว จากนั้นเอาใส่กลับเข้าไปในไมโครเวฟ ไฟแรงสุดอีก ๕ นาที
5. เมื่อครบ ๕ นาทีในรอบที่ ๒ ข้าวเหนียวอาจจะสุกหรือไม่สุกก็ได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับข้าวเหนียวที่นำมาหุง และความแรงของเตาที่ใช้ ข้าวใหม่จะสุกเร็วกว่าข้าวเก่าและจะหอมกว่า นุ่มกว่า
ถ้าข้าวเหนียวบางเม็ดยังมีลักษณะเป็นไต คือมีสีขาวขุ่นอยู่ข้างใน แบบนี้คือยังไม่สุกเต็มที่ค่ะ ให้ใช้ส้อม ตะกุยข้าวเหนียวให้ทั่ว แล้วปิดฝาใส่กลับไปในไมโครเวฟอีกครั้ง ไฟแรงสุด ๒ นาที
6. หลังจาก ๒ นาทีผ่านไป เอาออกมาจากไมโครเวฟให้ใช้ส้อมตะกุยให้ทั่ว แล้วปิดฝาอบไว้ประมาณ ๕-๑๐ นาทีเพื่อให้ข้าวระอุทั่วกัน


หมายเหตุ สำหรับข้าวเหนียวมูน ให้เอากะทิมามูนทันทีที่เอาข้าวเหนียวออกมาจากเตา จากนั้นค่อยปิดฝาอบเอาไว้ให้ข้าวเหนียวระอุซัก ๕-๑๐ นาทีก็กินได้แล้ว

Sunday, October 11, 2009

ลาบเนื้อ




เครื่องปรุง
  • เนื้อวัวสับ 200 กรัม
  • ตับ ผ้าขี้ริ้ว อย่างละ 100 กรัม
  • ข้าวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
  • พริกป่น 1 ช้อนโต๊ะ
  • หอมแดงซอย 6 - 8 หัว
  • ต้นหอม ผักชี อบ่างละ 2 ช้อนโต๊ะ
  • ใบสะระแหน่เด็ด 1 ถ้วย
  • น้ำปลา มะนาว ปริมาณเท่าๆ กัน
  • น้ำกระเทียมดอง 1 ช้อนชา
วิธีทำ
  1. เอาเนื้อใส่หม้อใส่น้ำปลาไป 2 ช้อนโต๊ะ คนๆ บนเตาไฟแรงพอใกล้สุก
  2. ใส่ตับ ผ้าขี้ริ้ว ลงไปคนพอสุก
  3. ใส่ข้าวคั่ว พริกป่น มะนาว น้ำกระเทียมดอง คนให้เข้ากันชิมรสตามชอบ
  4. ใส่หอมแดงซอย
  5. ต้นหอม ผักชี คนๆ ให้เข้ากัน เสริฟโดยโรยใบสะระแหน่




From: http://www.metrosafety.co.th/food/thai_maincourse.php?subaction=showfull&id=1185065741&archive=&start_from=&ucat=1&

Main Menu






Appitizers
ยำต่างๆ Thai Salads
อาหารว่าง Appitizers
น้ำพริก
Main Course
แกง และ ซุป Hot Soups
อาหารจานเดียว Noodle & Rice
ทอด อบ ย่าง

Desserts & Snacks
ขนมไทย Thai desserts
ขนมอบ Bakeries
Drinks
เครื่องดื่มร้อน
เครื่องดื่มเย็น
ไอศกรีม

ยำหมูย่าง



เครื่องปรุง
  • เนื้อหมูสันนอก 1/2 lbs
  • หอมหัวใหญ่ 1 หัว
  • มะเขือเทศ ต้นหอม ผักชี คื่นช่าย
  • ผักสลัด iceburg
เครื่องปรุงน้ำยำ
  • กระเทียมสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
  • ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
  • พริกขี้หนูสับละเอียด 6-8 เม็ด
  • น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
  1. หมักหมูด้วย สามเกลอ (รากผักชี พริกไทย กระเทียม โขลกละเอียด) และซีอิ๊วขาว น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา น้ำมันหอย หมักทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง
  2. ทำน้ำยำ ผสมเครื่องปรุงน้ำยำเข้าด้วยกัน
  3. ย่างเนื้อหมูด้วยไฟแรง ประมาณ 45 นาที แล้วนำมาหั่น แล้วผสมกับผัก (หอมหัวใหญ่ มะเขือเทศ ต้นหอม ผักชี คื่นช่าย) และน้ำยำส่วนหนึ่ง
  4. เตรียมผักสลัด รองจาน นำเนื้อที่ผสมกับผักแล้ววางบนจาน แล้วราดด้วยน้ำยำ


สุกี้ยากี้




ส่วนผสม
  • เนื้อ tenderloin อย่างดี หั่นบาง (ซื้อที่ร้านเกาหลีได้)
  • เนื้อไก่
  • กุ้ง ปลา scallop mussels ตามชอบ
  • ลูกชิ้นตามชอบ เต้าหู้ปลา ปูอัด
  • ไข่ไก่
  • ผักกาดขาว
  • ผักบุ้ง
  • คื่นช่าย
  • หัวไชโป๊ (Daikon)
  • ต้นหอม ผักชี
สูตรน้ำจิ้มสุกี้

สูตร 1)

เต้าหู้ยี้สีแดง 2 ก้อน กับน้ำเต้าหู้ยี้ 1/4 ถ้วย ยีเข้าด้วยกัน นำไปตั้งไฟ เติมน้ำกระเทียมดอง 1/4 ถ้วย กับน้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ ต้มให้เดือดแล้วยกลง จากนั้นโขลกกระเทียม 7 กลีบใหญ่กับเนื้อกระเทียมดอง 1/4 ถ้วย ให้แหลก ใส่พริกขี้หนูเด็ดก้านโขลกผสมลงประมาณ 1 - 3 ช้อนโต๊ะ ตักส่วนผสมที่โขลกเสร็จแล้ว ใส่กับส่วนผสมเต้าหู้ยี้ที่ต้มไว้ เติมน้ำมะนาว 2 - 3 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากัน

สูตร 2)

โขลกเต้าหู้ยี้สีแดง 6 ก้อนกับเนื้อกระเทียมดองซอยบาง ๆ 1/4 ถ้วย ให้ละเอียด ใส่น้ำมันงา 3 ช้อนโต๊ะลงในกระทะ ตั้งไฟให้ร้อน ใส่เครื่องที่โขลกลงผัดให้หอม ตักขึ้น แล้วผสมเครื่องที่ผัดแล้วกับน้ำกระเทียมดอง 1/4 ถ้วย เติมน้ำมะนาาว 1/2 ถ้วย พริกขี้หนูซอยหรือโขลกละเอียดตามชอบ คนให้เข้ากัน

สูตร 3)

ซีอิ้วขาว 1/4 ถ้วยผสมกับซีอิ้วญี่ปุ่น 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมันพริก 3 ช้อนโต๊ะ น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ ขิงแก่สับ 1 ช้อนโต๊ะ น้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ น้ำซุป 2 ช้อนโต๊ะ ผสมทั้งหมดนี้เข้าด้วยกัน ถ้าชอบหวานเติมน้ำเชื่อมได้ แล้วโรยผักชีสับลงไป

แกงเลียง

แกงเลียงอาหารที่มีรสชาติเฉพาะตัวอร่อยเผ็ดร้อนพริกไทย หอมกลิ่นสมุนไพรจากพืชผักหลากหลายชนิด มีประโยชน์ในการขับพิษ ไข้เป็นอย่างดี

แกงเลียง เป็นแกงที่ประกอบด้วยน้ำพริก ผัก เนื้อสัตว์ น้ำแกงและเครื่องปรุงรส น้ำพริกแกงเลียงจะแปลกกว่าน้ำพริกแกงชนิดอื่นๆ เพราะมีพริกไทย หัวหอม กะปิ กุ้งแห้ง ปลาย่างหรือปลากรอบ น้ำแกงมีลักษณะข้น ผักที่นิยมใส่ที่สามารถบอกลักษณะว่าเป็น "แกงเลียง" คือ ใบแมงลักมีกลิ่นหอม่ารับประทาน นอกจากนั้นยังมีผักเช่น ตำลึง ฟักทอง ข้าวโพดอ่อน หัวปลี บวบ ผักหวาน ฯลฯ เนื้อสัตว์ ได้แก่ กุ้งสด เนื้อไก่ ฯลฯ ปรุงรสด้วยน้ำปลาหรือเกลือ

เครื่องปรุง
  • ฟักทองเนื้อดี หันชิ้นพอคำ จำนวน 10 - 12 ชิ้น
  • บวบเหลี่ยม (หักชิมดูเสียก่อนว่าไม่ขม) ประมาณ 1 ลูก ขนาดพอดีปอกเปลือกออกจนเกลี้ยงเกลา ให้เหลือเปลือกไว้บ้าง เพื่อรักษาคุณค่าทางอาหาร หั่นเป็นชิ้นขนาด 12 - 15 ชิ้น
  • ข้าวโพดอ่อนหั่นแฉลบ 4 ฝัก
  • กระชาย 2 หัว ทุบเบาๆ แล้วหั่นเป็นท่อนยาวประมาณ 1 นิ้ว
  • ตำลึงยอดงามๆ สัก 10 ยอดเด็ดเอาแต่ใบอ่อนๆ
  • ใบแมงลัก 3 - 4 กิ่ง เด็ดเอาแต่ใบหรือยอดดอกอ่อนๆ
  • กุ้งแม่น้ำหรือกุ้งชีแฮ้ 6 - 7 ตัว ปอกเปลือกเอาเส้นดำออก
  • น้ำซุป(จากการต้มซี่โครงหมูหรือโครงไก่) 4 ถ้วยตวง
  • น้ำปลาดี 2 ช้อนโต๊ะ
  • ถ้าชอบเผ็ดเพิ่มพริกขี้หนูสดอีก5 - 6 เม็ด บุบพอแตก
เครื่องปรุงพริกแกง
  • พริกชี้ฟ้าแดงผ่าเอาเมล็ดออก 2 เม็ด
  • กระชาย 4 หัว
  • หอมแดงหัวขนาดกลาง 5 หัว
  • พริกไทยขาว 12 เม็ด
  • กะปิเผาไฟพอสุก 2 ขีดครึ่ง
  • กุ้งแห้ง 2 ขีดครึ่ง

วิธีทำ
  1. นำเครื่องปรุงพริกแกงโขลกให้ละเอียด ถ้าชอบให้น้ำแกงข้นอีกนิดก็ใช้เนื้อปลา จะย่างหรือต้มสุกก็ได้แล้วนำมาโขลกรวมกับพริกแกง
  2. นำน้ำซุปตั้งไฟพอเดือด ใส่เครื่องแกงลงไป ปรุงรสด้วยน้ำปลา ชิมให้ได้รสเค็มและเผ็ดนิดๆพอน้ำแกงเดือดอีกทีใส่ผักชนิดที่สุกยากลงก่อน เช่น ฟักทอง ข้าวโพดอ่อน ตามด้วยกุ้งสดรอจนแน่ใจว่าผักสุกดีแล้วจึงใส่ใบตำลึง
  3. ใส่ใบแมงลักเป็้นรายการสุดท้ายแล้วคนให้เข้ากัน ตักเสิร์ฟขณะร้อนได้รสชาติดี

สรรพคุณทางยา
  • พริกไทย รสเผ็ดร้อน ขับลม ขับเหงื่อ ช่วยเจริญอาหาร
  • หอมแดง รสเผ็ดร้อน แก้ไข้เพื่อเสมหะ บำรุงธาตุ แก้ไข้หวัด
  • ผักต่าง ๆ เช่น ฟักทอง รสมันหวาน บำรุงร่างกาย บำรุงสายตา
  • บวบ รสเย็นจืดออกหวาน มีแคลเซียม เหล็กและฟอสฟอรัสมาก
  • น้ำเต้า
    • ผลอ่อน ใช้ปรุงอาหาร
    • เมล็ด ประเทศจีนนำมาต้มกับเกลือกินเพื่อเจริญอาหาร เถา, ใบอ่อน, เนื้อหุ้มรอบ ๆ เมล็ด ประเทศอินเดียใช้เป็นยาทำให้อาเจียนและยาระบาย เป็นยาถ่ายพยาธิและแก้อาการบวมน้ำ
  • ตำลึง รสเย็น ใบสดตำคั้นน้ำแก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย ปวดแสบปวดร้อน และคั้นรับประทานเป็นยาดับพิษร้อน แก้เจ็บตา ตาแดง ตาแฉะ
  • ข้าวโพด รสมันหวาน
    • เมล็ด เป็นยาบำรุงกระเพาะอาหาร ฝาด สมานบำรุงหัวใจ ปอด เจริญอาหาร ขับปัสสาวะ
  • ใบแมงลัก ใบสด รสหอมร้อน เป็นยาแก้หวัด แก้หลอดลมอักเสบ แก้โรคท้องร่วง ขับลม

หมายเหตุ
แกงเลียงที่อร่อยมักจะต้องสด ใหม่ จึงจะทำให้น้ำแกงหวานโดยธรรมชาติ และหอมน้ำพริกแกง ควรรับประทานขณะร้อนๆ แกงเลียงมักจะรับประทานกับน้ำพริกกะปิ

ประโยชน์ทางอาหาร
แกงเลียงมีส่วนประกอบพริกขี้หนู หอม พริกไทย กะปิ เกลือ กุ้งแห้ง ผักต่าง ๆ เช่น บวบ ฟักทอง น้ำเต้า ตำลึง ข้าวโพด ใบแมงลัก โบราณเชื่อว่าเป็นอาหารที่ช่วยประสะน้ำนมสำหรับสตรีหลังคลอด ทำให้นมบริบูรณ์ และแก้ไข้หวัดได้เป็นอย่างดี





From: http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87

หมูสะเต๊ะ


สูตรหมูสะเต๊ะตามแบบฉบับรสชาติชาวปักษ์ใต้แท้ๆ นั้น เนื้อหมูจะหอมนุ่ม และน้ำจิ้มจะหอมมัน และรสชาติเข้มข้นตามสูตรอาหารปักษ์ใต้ บวกกับอาจาดปรุงรสเปรี้ยวหวานได้ที่ สุดแสนจะอร่อยทีเดียว






เครื่องปรุงสำหรับหมักหมู
  • หมู 1 กิโลกรัม
  • ยี่หร่าคั่ว 1/ 2 ช้อนโต๊ะ
  • ลูกผักชีคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
  • ตะไคร้ซอย 1 ต้น
  • ข่าซอย 1 ช้อนชา
  • ขมิ้นหั่นละเอียด 1 ช้อนชา
  • พริกไทยป่น 1/ 2 ช้อนชา
  • นมข้นหวาน 3 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลปีบ 1 ช้อนโต๊ะ
  • หัวกะทิ 1 /2 ถ้วย
  • เนยละลาย 4 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
  • ผงกะหรี่ 1 ช้อนโต๊ะ
  • ใบเตย
เครื่องปรุงน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ
  • พริกแห้ง 7-8 เม็ด
  • ลูกผักชีคั่ว 5 ช้อนโต๊ะ
  • ยี่หร่าคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
  • หอมเผา 8 หัว
  • กระเทียมเผา 7-8 กลีบ
  • ถั่วลิสงคั่ว 1/ 2 ถ้วย
  • เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
  • มะพร้าว 7 ถ้วย
เครื่องปรุงสำหรับทำอาจาด
  • น้ำส้มสายชู 2 ถ้วย
  • น้ำ 1 ถ้วย
  • เกลือป่น 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย 2 - 1/ 2 ถ้วย
  • พริกชี้ฟ้าแดงหรือพริกเหลืองหั่นเป็นแว่น
  • หัวหอมแดงซอย
  • แตงกวาหั่นตามขวาง

วิธีทำหมูสะเต๊ะ
  1. โขลกข่า ตะไคร้ ขมิ้น พริกไทย ยี่หร่า ลูกผักชีที่คั่ว และเกลือ เข้าด้วยกันให้ละเอียด
  2. นำเครื่องที่โขลกมาเคล้ากับเนื้อหมู หัวกะทิ เนย นมข้นหวาน ใช้ใบเตยขยำจนเข้ากันดี หมักทิ้งเอาไว้อย่างน้อย 1 ชั่วโมง (ถ้าจะให้ดีต้องหมักค้างคืน)
  3. นำหมูที่หมักไว้มาเสียบไม้

วิธีทำน้ำจิ้มสะเต๊ะ
  1. พริกแห้งนำมาผ่าแล้วแช่น้ำให้นิ่ม นำไปโขลกกับเกลือให้ละเอียด
  2. ใส่ลูกผักชีคั่ว ยี่หร่าคั่ว โขลกให้เข้ากัน
  3. จากนั้นใส่ หอมเผา กระเทียมเผา ถั่วลิสงคั่ว ตำให้เข้ากันดี
  4. นำมะพร้าวมาคั้นให้ได้กะทิสัก 3-4 ถ้วย เอาหัวกะทิใส่กะทะเคี่ยวให้แตกมัน
  5. นำน้ำพริกที่ตำไว้ลงไปผัดให้หอม ผัดให้แตกมันเป็นขี้โล้ก่อน จึงใส่กะทิที่เหลือลงไป
  6. ปรุงรสด้วย น้ำตาลปี๊บ เกลือ หรือน้ำปลา ตามชอบ

วิธีปรุงน้ำอาจาด
  1. ผสม น้ำตาล เกลือ น้ำ และน้ำส้มสายชู เข้าด้วยกัน ชิมดูให้ได้รส เปรี้ยว เค็ม หวาน (อาจาดต้องรสจัดและหวานมาก)
  2. นำไปตั้งไฟพอข้น ยกลงทิ้งให้เย็น
  3. ใส่แตงกวาหั่น หัวหอมแดงซอย และ พริก

เคล็ดลับความอร่อย

เคล็ดลับในการทำ หมูสะเต๊ะสูตรนี้ เริ่มตั้งแต่ เนื้อหมูที่นำมาใช้ควรเลือกใช้เนื้อหมูปนมันเล็กน้อย เนื้อหมูส่วนสะโพกจะเหมาะมากเพราะมีความนุ่มและราคาไม่แพง หรืออาจจะใช้เนื้อหมูสันนอกก็ได้ แต่ไม่ควรใช้หมูสันในเพราะนิ่มเกินไป ก่อนจะหั่นเนื้อหมู ควรนำเนื้อหมูไปแช่ช่องแข็งสักครู่ เพื่อจะได้สะดวกในการหั่นและทำให้เนื้อหมูที่ได้มีความบางเสมอกัน การหมักเนื้อหมูควรหมักนานพอสมควร อย่างน้อยประมาณ 1 ชั่วโมง แต่ถ้าจะให้ดีต้องหมักค้างคืน เพื่อให้เครื่องปรุงต่าง ๆ ซึมเข้าเนื้อหมูได้ดี เวลาเสียบไม้ ควรมีมันหมูแข็งเสียบอยู่ที่ปลายไม้ด้วย เขาบอกว่าจะช่วยกันไม่ให้ไม้ไหม้ และเพิ่มกลิ่นหอมให้แก่หมูเวลาย่าง

เวลาทำน้ำจิ้มนั้น ควรใส่ถั่วลิสงทีหลังสุด และเมื่อใส่ถั่วลิสงแล้ว ไม่ควรจะเคี่ยวนาน เพราะถั่วจะดูดน้ำทำให้น้ำจิ้มมีลักษณะข้นเกินไป ผักที่ใช้ใส่ในอาจาด ควรใส่ตอนจะรับประทาน เพราะถ้าผสมทิ้งเอาไว้ ผักจะสลดหดหู่ ดูไม่น่ารับประทาน



From: From: http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=banthaifood&group=3

ลูกชุบ




ส่วนผสมเนื้อลูกชุบ
1. ถั่วเขียวนึ่งสุกบดละเอียด 1 กิโลกรัม
2. น้ำตาลทราย 2 1/2 ถ้วยตวง
3. หัวกะทิ (มะพร้าว 400 กรัม) 1 ถ้วยตวง
4. สีผสมอาหารสีต่างๆ

ส่วนผสมตัวชุบ

1. วุ้นผง 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
2. น้ำ 2 1 /2 ถ้วยตวง
3. น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง

วิธีทำ

1. นำถั่วเขียวที่กะเทาะเปลือกแล้วล้างน้ำให้สะอาดและแช่ทิ้งไว้อย่างน้อย 2 ชั่วโมง
2. นำถั่วเขียวที่ผ่านการแช่น้ำแล้ว ไปนึ่งจนสุก
3. นำมะพร้าวที่แก่จัดมาขูดเอาเฉพาะเนื้อมะพร้าวขาวอย่างเดียว
4. คั้นมะพร้าว ด้วยน้ำต้มสุกใส่แต่ทีละน้อย เพื่อให้ได้น้ำกะทิที่ข้นมันตามปริมาณที่ต้องการ
5. นำกะทิที่ได้มาผสมกับถั่วที่นึ่งจนสุกและขดจนได้เนื้อถั่วที่เนียนละเอียด
6. นำถั่วที่มีเนื้อละเอียดดีแล้วมาใส่ลงกระทะทองพร้อมทั้งน้ำตาลทรายขาว
7. กวนด้วยไฟอ่อน ๆ จนเนื้อถั่วข้นเหนียว ล่อนไม่ติดกระทะ
8. ยกถั่วลงปล่อยไว้ให้เย็นแล้วจึงนวดให้เป็นเนื้อเดียวกัน
9. แบ่งถั่วเป็นก้อนขนาดเท่ากับลูกชุบที่ต้องการปั้น
10. นำไปอบควันเทียนมีกลิ่นหอมจรุงทุกเม็ด ก่อนจะนำมาปั้นแต่งจนกลายเป็นผลไม้ชนิดต่าง ๆ
11. นำลูกชุบที่ปั้นเสร็จแล้วมาชุบวุ้น 2-3 ครั้ง โดยการชุบแต่ละครั้งต้องรอให้วุ้นแห้งก่อนแล้วจึงชุบทับ

วิธีการอบควันเทียน

1. นำถั่วที่กวนได้ที่พักไว้ให้เย็น ใส่ในภาชนะที่มีฝาปิด ไม่ควรใช้ภาชนะพลาสติกจะทำให้กลิ่นเหม็นของ พลาสติกปนในถั่วกวน
2. วางถ้วยกระเบื้องเล็กไว้ตรงกลางถั่วกวน
3. จุดเทียนอบทั้ง 2 ข้าง ให้เปลวไฟติดดีแล้วดับให้เกิดควัน
4. วางเทียนบนถ้วยกระเบื้อง ปิดฝาให้สนิทพักไว้ประมาณ 1 - 2 ชั่วโมง
5. กลับถั่วด้านบนลงข้างล่าง แล้วจุดเทียนอบใหม่อีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้อาจจะพักไว้ค้างคืนเลยก็ได้
















ความเป็นมา

ลูกชุบ เป็นขนมประจำถิ่นโปรตุเกส แพร่หลายมาถึงย่านเมดิเตอร์เรเนียนแถบฝรั่งเศสตอนใต้ เพราะอยู่ใกล้บ้าน เช่น เมืองนีซ เมืองคานส์ ก็มีขนมลูกชุบมากมายทั้งเมือง ลูกชุบในภาษาโปรตุเกส เรียกว่า Massapa'es เป็นขนมประจำถิ่นของ แคว้นอัลการ์วิ (Aigaeve) โดยโปรตุเกสใช้เม็ด อัลมอนด์ เป็นส่วนผสมสำคัญ แต่บ้านเราไม่มี จึงต้องคิดด้วยการใช้ ถั่วเขียว แทน เนื่องจากขนมโปรตุเกสจำเป็นต้องอาศัยประสบการณ์และความรู้ความชำนาญพิเศษ จึงจะได้ขนมหวานที่รสชาติดีออกมาสีสันสวยงาม

กลุ่มขนมหวานของไทยที่ได้รับอิทธิพลจาก วัฒนธรรมโปรตุเกส คือ ทองหยิบ ฝอยทอง ทองหยอด บ้าบิ่น ลูกชุบ ขนมผิง ทองม้วน ขนมหม้อแกง ขนมไข่กะหรี่ปั๊บ มีหลักฐานพบว่า ในโปรตุเกส ขนมที่ชื่อ ตรูซูช ดาช กัลดัช (Trouxos das caldas) คือ ต้นตำรับของขนม ทองหยิบ และขนม Fios de Ovos คือ ขนมฝอยทอง ส่วนขนม เกลชาดาซ เดอ กรูอิงบรา (Queijadas de Coimbra) เป็นต้นตำรับ ขนมบ้าบิ่น ของไทย ซึ่งใช้เนยแข็ง แต่ในบ้านเราใช้มะพร้าวแทน




From: http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=banthaifood&group=4

Saturday, October 10, 2009

แกงฮังเลหมู




เครื่องปรุง

เนื้อหมู ๑ กิโล (สะโพกติดหนัง) หั่นเป็นก้อนสี่เหลี่ยม ประมาณ ๑ นิ้ว
พริกแกงเผ็ด ๑ ขีด
เครื่องแกงฮังเล ๑ ซอง
ขิงซอย ประมาณ ๑ แง่ง
กระท้อน ๔ ลูก (ถ้าไม่มีกระท้อน สามารถใช้สับปะรดแทนได้) ใส่เพื่อให้ออกรสเปรี้ยวนิดหน่อย
กระเทียมดอง ๕-๖ หัว
น้ำกระเทียมดอง ประมาณ ๑/๒ ถ้วย (ถ้าไม่มีให้ใช้น้ำมะขามเปียกแทน)
น้ำตาลปี๊บ (หรือ น้ำตาลปึก ประมาณ ๑ ฝา)
เกลือป่นเล็กน้อย
วิธีทำ
1. คลุกเคล้าหมูกับพริกแกงเผ็ด ขยำให้เข้ากันทั่ว
2. ใส่กระท้อม ขิงซอย กระเทียมดอง และน้ำกระเทียมดอง ผงฮังเล เกลือ และน้ำตาลปี๊บ
3. หมักทิ้งไว้ 2 ชั่วโมง (สีจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง)
4. ตั้งกระทะไฟปานกลาง พอกระทะร้อน นำส่วนผสมทั้งหมดมาผัด ไม่ต้องใช้น้ำมัน
5.พอหมูเริ่มสุก ก็เติมน้ำลงไป (น้ำประมาณ ๒ ลิตร)
6. พอเริ่มเดือด ปรุงรสด้วย น้ำตาลปึก และน้ำปลา
7. เคี่ยวจนงวด รสชาติจะออก หวานอมเปรี้ยวนำแล้วตามด้วยรสเค็มนิดหนึ่ง

ผงฮังเล












From: http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=tarnberry&month=10-2008&date=01&group=5&gblog=13

แกงฮังเลเนื้อ





















ส่วนผสม

เนื้อวัว ๑ กิโลกรัม
หอมหัวใหญ่ผ่าสี่(ลูกใหญ่ๆ) ๑ ลูก
ถั่วลิสง ๑/๓-ครึ่ง ถ้วย
ขิงซอย ๑/๒ ถ้วย
น้ำปลา น้ำมะขามเปียก น้ำตาล


เครื่องปรุงพริกแกง

พริกแห้งเม็ดใหญ่แช่น้ำให้นิ่ม ๑0 เม็ด
ข่าสับ ๒ ช้อนโต๊ะ
ตะไคร้ซอยต้นอวบๆ ๑-๒ ต้น
หอมแดง ๒-๓ หัว
กระเทียมกลีบใหญ่ ๖ กลีบ
ขมิ้นผง ๑ ช้อนชา
เกลือ ๑ ช้อนชา
ผง Madras Curry Powder ๑ ช้อนโต๊ะ
กะปิ ๑ ช้อนชา



วิธีทำ

1. โขลกเกลือกับพริกแห้งให้ละเอียด ใส่ข่าและตะไคร้ลงไปโขลกรวมกันจนละเอียดดี ใส่หอมแดง กระเทียม ขมิ้นผง ผงกะหรี่ พอละเอียดดีแล้วใส่กะปิลงไปโขลกให้ละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน

2. เอาพริกแกงที่โขลกไว้แล้วใส่ลงไปหมักกับเนื้อ แล้วใส่น้ำมันมะกอก ตามด้วยขิงซอย คลุกเคล้าเข้ากันดีแล้วก็ปิดฝา นำเข้าตู้เย็น หมักไว้๑ คืน

3. พอวันต่อมา เอาเนื้อที่หมักมาใส่หม้อ เทน้ำใส่ให้ท่วม ใส่หอมหัวใหญ่ลงไป พร้อมเครื่องปรุงรสต่างๆ เคี่ยวไปเรื่อยๆ น้ำในหม้อจะค่อยๆแห้งลง สุดท้ายพอส่วนผสมเริ่มเย็นจะได้น้ำแกงข้นๆ ขลุกขลิก




From:
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=pookhakae&month=04-2008&date=25&group=12&gblog=21

พะแนงหมู



ส่วนผสม

1. เนื้อหมู 300 กรัม
2. กะทิ 1 ถ้วย
3. ใบมะกรูดหั่นฝอย 2 ใบ
4. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
5. น้ำตาลปีบ 1 ช้อนโต๊ะ
6. โหระพา 2 กิ่ง
7. พริกแดงหั่นเฉียง 2 เม็ด
8. น้ำมัน 1 ช้อนโต๊ะ
9. ถั่วลิสงคั่วป่น 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

1.โขลกน้ำพริกให้ละเอียด
2.ล้างหมูให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นตามขวางรวนสักครู่พอให้หมูสุก
3.ผัด น้ำพริกกับน้ำมันให้หอม เติมกะทิอย่าให้น้ำพริกแห้ง ผัดให้หอมและแตกมันใช้ไฟอ่อนๆ จนหมูนุ่มน้ำแกงขลุกขลิกใส่ใบโหระพา ยกขึ้น จัดใส่จานแต่งด้วยใบโหระพาสดเด็ดเป็นช่อๆ

หมายเหตุ : ถ้าเป็นเนื้อ ให้เคี่ยวกับหางกะทิให้นุ่ม ถ้าเป็นไก่ กับหมู ต้องรวนก่อน



ส่วนผสมน้ำพริก

1. พริกแห้งแกะเมล็ดออก 6-7 เม็ด
2. หอมแดง 5 หัว
3. กระเทียม 2 หัว
4. ข่าหั่นฝอย 1 ช้อนชา
5. ตะไคร้หั่นฝอย 1 ช้อนโต๊ะ
6. รากผักชีหั่นฝอย 1/2 ช้อนโต๊ะ
7. ผิวมะกรูดหั่นฝอย 1/2 ช้อนโต๊ะ
8. ผักลูกชีคั่วป่น 1 ช้อนชา
9. ยี่หร่าคั่วป่น 1/2 ช้อนชา
10. เกลือป่น 1 ช้อนชา
11. พริกไทย 5 เม็ด
12. ผงขมิ้น 1 ช้อนชา
13. กระชายหั่น 1 ช้อนโต๊ะ
14. กะปิ 1 ช้อนชา




From: http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=banthaifood&group=6

พะแนงไก่




เครื่องปรุง

เนื้อไก่ 300 กรัม
กะทิ 1 ถ้วย (มะพร้าวขูด 250 กรัม)
ใบมะกรูด 2 ใบ
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ
โหระพา 2 กิ่ง
พริกแดงหั่นเฉียง 2 เม็ด
น้ำมัน 1 ช้อนโต๊ะ


วิธีทำ

1. ล้างไก่ให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ยาวๆ รวนสักครู่พอให้ไก่สุก
2. โขลกเครื่องน้ำพริกที่เตรียมไว้ทั้งหมดให้ละเอียดเข้ากันได้ดี แล้วนำไปผัดในน้ำมันให้หอม แล้วแบ่งกะทิมา 1/3 ถ้วย ลงไปผัดใช้ไฟอ่อนให้หอมและแตกมัน
4. เอาเนื้อไก่ลงไปผัด ใส่ใบมะกรูด ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล ชิมให้พอดี แล้วเติมกะทิที่เหลือ เคี่ยวไฟอ่อนจนไก่นุ่ม น้ำแกงขลุกขลิก ใส่ใบโหระพา ปิดไฟ
5. เวลารับประทานจัดแต่งด้วยใบโหระพาสดเด็ดเป็นช่อๆ และพริกแดง


เครื่องปรุงน้ำพริก

  • พริกแห้งแกะเมล็ดออก 6-7 เม็ด
  • หอมแดง 5 หัว
  • กระเทียม 2 หัว
  • ข่าหั่นฝอย 1 ช้อนชา
  • ตะไคร้หั่นฝอย 1 ช้อนโต๊ะ
  • รากผักชีหั่นฝอย 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • ผิวมะกรูดหั่นฝอย 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • ถั่วลิสงคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
  • เมล็ดผักชีคั่วป่น 2 ช้อนชา
  • ยี่หร่าคั่วป่น 1/2 ช้อนชา
  • เกลือป่น 1 ช้อนชา
  • พริกไทยป่น 1/4 ช้อนชา
  • กะปิ 1 ช้อนชา




From: http://utcc2.utcc.ac.th/faculties/comarts/webjrshow/arhanvang/menukhown3.html

แกงเทโพ




เครื่องปรุง

เนื้อหมูสามชั้น 2 ขีด
ผักบุ้งไทยหั่นเป็นท่อนสั้นๆ 2 ขีด
น้ำพริกแกงคั่ว 3 ช้อนโต๊ะ
กะทิ 3 ถ้วย
มะกรูด 1 ผล
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะกรูด 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. การล้างเนื้อหมูให้สะอาด แล้วหั่นเป็นชิ้นพอคำเตรียมไว้
2. กะทิ 1 ถ้วยขึ้นตั้งไฟจนเดือด แล้วใส่น้ำพริกแกงคั่ว (หาซื้อได้ตามตลาด) ลงผัดจนหอม แล้วจึงใส่กะทิที่เหลือตั้งไฟต่อไปอีกจนเดือด
3. ใส่หมูสามชั้นลงตามไป
4. เมื่อหมูสุกดีแล้วก็ใส่ผักบุ้งตาม พอผักเริ่มยุบ ก็เริ่มปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะขามเปียก เพิ่มกลิ่นหอมๆ ด้วยน้ำมะกรูด หรือจะใส่มะกรูดหั่นเป็นแว่นๆ ลงไปด้วยก็ได้


สำหรับน้ำพริกแกงเทโพ มีสูตรดังนี้



เครื่องปรุงน้ำพริก

-พริกแห้งเม็ดใหญ่ 5 เม็ด(แช่น้ำให้นิ่ม แล้วแกะเม็ดออกให้หมด)
-เกลือ 1/2 ช้อนชา
-ข่าหั่นบางๆ 5 แว่น
-ตะไคร้ซอย 1 ช้อนโต๊ะ(แมวใช้ 2 ต้นพอดี)
-หัวหอม 4-5 หัว
-กระเทียม 5 กลีบ (ถ้าเป็นหัวใหญ่ๆ ก็ 3 หัวค่ะ)
-รากผักชี 1 ช้อนโต๊ะ(แมวใช้ 2 รากค่ะ)
-ผิวมะกรูด 1/2 ช้อนชา(แมวใช้ครึ่งลูกเลยค่ะ)
-กะปิ 1 ช้อนชา

ปั่นรวมกันจนเป็นน้ำพริก




From: http://manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9490000124545

กุ้งฟูผัดพริกขิง




ส่วนผสม

กุ้งแชบ๊วย 1 1/2 ขีด
พริกแกง 1 ช้อนโต๊ะ
กะทิ 1/2 ถ้วย
พริกไทยอ่อน กระชาย ใบมะกรูด รวมกัน 1/2 ขีด
ใบโหระพา 1 กำ
พริกสับ และกระเทียมสับ รวมกัน 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 1/2 ช้อนโต๊ะ
ซอสปรุงรส 1/2 ช้อนชา
ไข่เค็ม (เอาไว้กินเป็นเครื่องเคียง) 1 ลูก

วิธีทำ
1. ตั้งกระทะใส่น้ำมันนิดหน่อย นำกะทิลงไปเคี่ยวให้แตกมัน จากนั้นใส่พริกสับและกระเทียมสับลงไป ใส่พริกแกงตามลงไปเคี่ยวจนพริกแกงและกะทิแตกมัน แล้วปรุงรสให้ได้รสเค็มๆ หวานๆ ทีนี้ก็ใส่พริกไทยอ่อน กระชาย ใบมะกรูดลงไป เร่งไฟให้แรงขึ้นและใส่ใบโหระพาลงไป พักทิ้งไว้สักครู่

2. จากนั้นก็หันมาทำกุ้ง นำกุ้งขาวที่เตรีมไว้มาลวกให้สุก แกะเปลือกออกแล้วสับให้ละเอียดๆ และนำมาคลุกกับน้ำมันพืชพอชุ่มๆ

3. ตั้งกระทะใส่น้ำมันให้ท่วม รอให้ร้อน ก็ตักกุ้งที่คลุกน้ำมันแล้วลงทอดในน้ำมันร้อนๆ ให้ดูพอเหลืองตักขึ้นพักไว้ และนำมาใส่จาน ตักน้ำผัดเผ็ดที่ทำไว้แล้วมาราด เป็นว่าเสร็จสรรพได้กับแกล้มจานเด็ด “กุ้งฟูผัดพริกขิง” อ้อ!! อย่าลืมหั่นไข่เค็มเป็นซีกๆ เอาไว้กินแกล้มเข้ากันดี



From: http://manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9480000168882

ปอเปี๊ยะทอด



เครื่องปรุง

แผ่นเปาะเปี๊ยะ 10 -15 แผ่น
เห็ดหอม (หรือจะใช้เป็นเห็ดหูหนูก็ได้) 3 ดอก
วุ้นเส้นแช่น้ำให้นุ่มตัดเป็นท่อนสั้นๆ 1/2 ถ้วย
หมูสับ 2 ขีด
ไข่ไก่ 1 ฟอง
แครอทหั่นฝอย 2 ขีด
ถั่วงอกเด็ดหาง 1/4 ถ้วย
น้ำตาลทราย ซีอิ๊วขาว รากผักชี กระเทียม พริกไทย พอประมาณ
น้ำมันพืชสำหรับทอด และน้ำเปล่าสำหรับทาแผ่นเปาะเปี๊ยะ

วิธีทำ

1. ผสมเนื้อหมู ไข่ไก่ แครอท เห็ดหอม ถั่วงอก พริกไทย น้ำตาลทราย ซีอิ๊วขาว และวุ้นเส้นคลุกเคล้าเข้ากัน
2. โขลกรากผักชี กระเทียม พริกไทย ทั้งหมดให้ละเอียด
3. ตั้งกระทะใส่น้ำมัน เอาที่โขลกลงผัดให้หอม ตามด้วยส่วนผสมไส้เปาะเปี๊ยะที่คลุกไว้ ผัดพอสุกแล้วตักขึ้นมาพักไว้
4. แล้วก็ถึงขั้นตอนการห่อเปาะเปี๊ยะ โดยถ้าแผ่นเปาะเปี๊ยะบางไป ก็ให้วางซ้อนกันสองแผ่น ตักไส้ใส่ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ แล้วม้วนแผ่นเปาะเปี๊ยะให้แน่นเป็นแท่งกลม ๆ พับหัวท้าย ทาขอบแผ่นเปาะเปี๊ยะด้วยน้ำเปล่า
5. ใส่น้ำมันในกระทะ ตั้งไฟให้ร้อน ใส่เปาะเปี๊ยะลงไปทอดให้สุกเหลืองแล้วตักขึ้น พักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน


วิธีการทำน้ำจิ้ม

สำหรับส่วนผสมของน้ำจิ้มประกอบด้วย พริกชี้ฟ้าแดงโขลก 5 เม็ด ,น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ,เกลือป่น 1/2 ช้อนชา ,น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ ซึ่งพอส่วนผสมครบก็แค่ผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน แล้วตั้งไฟอ่อนๆ เคี่ยวจนน้ำตาลละลายและเหนียวก็ยกลง หั่นเปาะเปี๊ยะเป็นชิ้นพอคำ จัดใส่จาน เสิร์ฟพร้อมกับผักและน้ำจิ้ม



From: http://manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9480000137544

กระทงทอง







ส่วนผสมของแป้ง

แป้งสาลีร่อน 1 ถ้วย
แป้งข้าวจ้าวร่อน 1 1/2 ถ้วย
หัวกระทิ 6 ช้อนโต๊ะ
ไข่เป็ด 1 ฟอง
เกลือ 1 1/2 ช้อนชา
น้ำปูนใส 1 ถ้วย
น้ำมันสำหรับทอด

ส่วนผสมของไส้

หมูหั่นสี่เหลี่ยมเล็กๆ1/2 ถ้วย
แครอท มันสำปะหลัง ถั่วแขกหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ รวมกัน 1/2 ถ้วย
พริกไทย รากผักชี กระเทียม โขลกละเอียดรวมกัน 1/3 ถ้วย
น้ำมัน 1/3 ถ้วย
ซีอิ้วขาว น้ำตาล สำหรับปรุงรส

วิธีการทำกระทง

นำแป้งสาลีกับแป้งข้าวจ้าวที่ร่อนแล้วมาผสมกับหัวกะทิ ใส่ไข่เป็ดลงไป ผสมให้เข้ากัน เติมน้ำปูนใสลงไป ถ้าแป้งเป็นเม็ดให้กรองก่อนนำไปทอด

พอได้ส่วนผสมของแป้งแล้วก็นำมาทอด โดยใช้พิมพ์กระทงทองจุ่มลงไปในน้ำมันที่ร้อนจัด เพื่อให้แม่พิมพ์ร้อน น้ำมันต้องท่วมแม่พิมพ์ พอแม่พิมพ์ร้อนแล้ว นำแม่พิมพ์ไปชุปแป้งที่ผสมไว้แล้ว ให้แป้งติดทั่วแม่พิมพ์ด้านนอก แล้วรีบยกออกลงไปทอดในน้ำมันให้เหลือง กรอบ แล้วถอดออกจากแม่พิมพ์

วิธีการทำไส้
เริ่มจากใส่น้ำมันลงในกระทะตั้งไฟกลางๆ พอร้อน ใส่เครื่องที่โขลกผัดให้หอม ใส่หมู แครอท มันสำปะหลัง ถั่วแขกลงผัด ปรุงรสด้วยซีอิ้วขาว น้ำตาล ผัดให้สุกพอประมาณ ชิมรสชาติให้ออกหวานๆ เค็ม ยกลง ตักใส่กระทงทองที่เตรียมไว้เป็นอันว่าเสร็จสิ้นกระบวนการทำ พร้อมที่จะหม่ำกันได้ตามสบาย




From: http://manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9480000154329

ต้มโคล้งปลากรอบ




เครื่องปรุง

ปลากรอบย่างไฟอ่อน หรืออบก็ได้ แล้วหักเป็นชิ้นๆ 3 ตัว
หอมแดงเผาทุบพอแตก 3 หัว
พริกแห้งเผา 6-8 เม็ด
น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 1/4 ถ้วย
น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
ตะไคร้หั่นเป็นท่อน 1 ต้น
ใบมะกรูดฉีก 3 ใบ


วิธีทำ

เอาน้ำสะอาดขึ้นตั้งไฟ ใส่หอมแดง ตะไคร้ลงไปต้มจนน้ำเดือด จากนั้นใส่ปลากรอบตามลงไปให้ปลาอมน้ำแกงไว้สักพัก แล้วปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะขามเปียก น้ำมะนาว ชิมรสให้เปรี้ยวเผ็ดตามใจ จากนั้นโรยใบมะกรูด พริกแห้งตามลงไป ยกลงเสิร์ฟร้อนๆ ได้ทันที





From: http://manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9480000159416

แกงจืดไข่น้ำ




ส่วนผสม (สำหรับไข่น้ำ 1 ชาม) มีดังนี้

ไข่ไก่ (ไว้ทำไข่เจียว) 1 ฟอง
หอมใหญ่ (หั่นเป็นชิ้นๆ) ½ หัว
ผักกาดขาว (หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ) 5-6 ใบ
หมูสับ 1 ขีด
ขึ้นฉ่าย (หั่นเป็นท่อนสั้นๆ) 1 ต้น
น้ำซุป 1 ถ้วย
น้ำปลา 1 ช้อนชา
ซีอิ้วขาว 2 ช้อนชา
ตั้งฉ่าย (หนึ่งหยิบมือ)
กระเทียมเจียว ผักชี ต้นหอม และพริกไทยป่น (นิดหน่อยเอาไว้โรยหน้า)


วิธีทำ
เริ่มจากทำไข่เจียวกันก่อนเลย (ซึ่งไข่เจียวที่ว่านี้ต้องปรุงรสนิดหน่อยด้วยน่ะ) พอทอดไข่เจียวเสร็จสรรพแล้วก็หั่นเป็นชิ้นๆ แล้วนำมาพักไว้ก่อน

จากนั้นนำน้ำซุปใส่ลงหม้อต้มให้น้ำซุปพอร้อน ใส่ตั้งฉ่ายลงไปแล้วก็ปรุงรสด้วยน้ำปลา และซีอิ้วขาว จากนั้นนำหมูสับใส่ลงไป พอหมูเริ่มสุกได้ที่ให้ใส่ผักกาดขาว หอมใหญ่ และขึ้นฉ่ายตามลงไป และต้มต่อไปจนผักสุก ก็ใส่ไข่เจียวที่ทอดไว้แล้วลงไปทันที แล้วก็คนคลุกเคล้าให้เครื่องทุกอย่างเข้ากัน เป็นอันว่าใช้ได้ที่

พร้อมตักใส่ชามและโรยหน้าด้วย กระเทียมเจียว ผักชี ต้นหอมและพริกไทยอีกที แค่นี้ก็ได้ “ไข่น้ำ” ร้อนๆ ไว้กินกับข้าวสวย ช่วยให้อิ่มสบายท้องกันไปอีก 1 มื้อ








































From: http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=patthanid&month=09-2008&date=29&group=10&gblog=48

Friday, October 9, 2009

สปาเก็ตตี้ขี้เมาเนื้อสับ




ส่วนผสม

สปาเก็ตตี้ 1 ขีด
เนื้อวัวสับละเอียด 1 ถ้วย
น้ำหรือน้ำสต็อกไก่ 1/3 ถ้วย
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
กระเทียม 2 หัว
น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช 1 ½ ถ้วย
พริกไทยอ่อนบุบพอแตก 3 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1 ช้อนชา
กะเพราเด็ดเป็นใบ ตามชอบใจ
พริกขี้หนู ตามชอบใจ

วิธีทำ

เตรียมส่วนผสมเรียบร้อยก็ลงมือทำกันเลย โดยเริ่มที่ต้มน้ำในหม้อใบใหญ่ด้วยไฟแรงจนเดือด ใส่เกลือแล้วใส่เส้นสปาเก็ตตี้ลงต้มนานประมาณ 10 นาที หรือจนสุก ตักขึ้นผ่านน้ำเย็นแล้วพักไว้ หันมาทำเนื้อสับขี้เมาโดยโขลกกระเทียมกับพริกขี้หนูเข้าด้วยกันพอแหลก ตักใส่ถ้วยพักไว้ นำใบกะเพราครึ่งหนึ่งลงทอดในกระทะน้ำมันร้อน แล้วตักขึ้นพักไว้

จากนั้นใส่กระเทียมและพริกขี้หนูที่โขลกไว้แล้วลงผัด ใส่เนื้อสับ น้ำหรือน้ำสต็อกไก่ ผัดจนสุก ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล น้ำมันหอย แล้วจึงใส่เส้นสปาเก็ตตี้ต้มสุกลงผัดจนทั่ว ใส่พริกไทยอ่อนและใบกะเพราที่เหลือลงคลุกเคล้าพอสุก จากนั้นตักใส่ชามโรยหน้าด้วยใบกะเพรากรอบเป็นอันเรียบร้อยสวยงาม เสร็จแล้วก็ลงมือหม่ำกันได้เลย




From: http://manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9500000140759

มัสมั่นไก่



ส่วนผสม

อกไก่ 150 กรัม
มันฝรั่ง 100 กรัม
หอมแดง 30 กรัม
ถั่วลิสงคั่ว 20 กรัม
พริกแกงมัสมั่น 100 กรัม
กะทิ 200 กรัม
น้ำมะขามเปียก 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปีบ 8 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือ ½ ช้อนชา

วิธีทำ

สำหรับขั้นตอนการทำเริ่มจากนำอกไก่ มาหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม แล้วนำไปทอดพอสุกแล้วตักพักไว้ จากนั้นหันมาต้มมันฝรั่งให้สุกแล้วหั่นเป็นชิ้นขนาดเท่ากับเนื้อไก่ และนำไปทอดจนเหลืองพักทิ้งไว้ก่อน

ต่อจากนั้นนำพริกแกงมัสมั่นมาผัดกับกะทิพอหอม และก็ใส่ถั่วลิสงตามลงไปเคี่ยวกับน้ำกะทิจนถั่วนิ่ม แล้วจึงค่อยปรุงรสด้วยน้ำตาลปีบ น้ำมะขามเปียก น้ำปลา เกลือ จากนั้นให้ใส่ไก่ มันฝรั่ง และหอมแดง ลงไปเคี่ยวให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้าเนื้อกัน ก็เป็นอันว่าเสร็จสิ้นขั้นตอนการทำ พร้อมเสิร์ฟ “มัสมั่นไก่” กินคู่กับข้าวสวยร้อนๆเอร็ดอร่อยกันไป





From: http://manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9500000138231

ยำปลาทู




ส่วนผสม

ปลาทูนึ่ง 1 เข่ง
ตะไคร้ซอย 4-5 ต้น
หอมแดงซอย 5-6 หัว
พริกขี้หนูสดซอย 4-6 เม็ด
พริกแห้ง 4-6 เม็ด
น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาล ½ ช้อนชา
มะม่วงเปรี้ยวดิบ ใบสะระแหน่ ถั่วลิสงคั่วหรือเม็ดมะม่วงหิมพานต์


วิธีทำ

วิธีทำก็ไม่ยากเลย เพียงนำปลาทูนึ่งมาแกะก้างออก บิปลาทูเป็นชิ้นๆเอาเนื้อมายีๆให้เนื้อปลาทูแตกฟู เสร็จแล้วพักไว้

หันมาทำน้ำยำกันบ้าง โดยผสมน้ำมะนาว น้ำปลา และน้ำตาล ให้เข้ากันแล้วชิมรสชาติตามความพอใจ

จากนั้นนำตะไคร้ซอย หอมแดงซอย พริกขี้หนูสดซอย ใส่ลงไปในน้ำยำ แล้วนำน้ำยำ มะม่วงเปรี้ยวดิบสับ มาคลุกเคล้ากับเนื้อปลาทูที่ยีไว้แล้วให้เข้ากัน ใส่พริกแห้ง ถั่วลิสงคั่ว ใบสะระแหน่ พอสวยงามเป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอน เสิร์ฟพร้อมข้าวร้อนๆ แซ่บนักแล





From: http://manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9510000151683